วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

ศิลป์ พีระศรี บทสวดมนต์ แลการให้ความสำคัญกับรากภาษาไทย


                วันที่ ๑๕ กันยายน เป็นวันคล้ายวันเกิดอาจารย์ศิลป์ พีระศรี ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ในเว็บไซต์ Facebook โดยเฉพาะของสมาชิกที่มีความเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยศิลปากรจะมีคำแสดงความอาลัยหา สดุดียกย่อง ฯลฯ

รูปวาดเหมือน อาจารย์ศิลป์ พีระศรี
ภาพจาก http://www.snr.ac.th/wita/Music/Corrado_day.htm 

                สิ่งที่น่าคิด คือ อะไรเป็นเหตุให้เขาเหล่านั้นบางคน (ย้ำว่าบางคน) แสดงออกในลักษณะนี้ เหตุเพราะคุณงามความดีของชายชื่อ ศิลป์ พีระศรี นั้นได้เข้าไปอยู่ในความรับรู้ของคนเหล่านั้นมากน้อยเพียงใด บางคนไม่เคยรับรู้อะไรนอกไปจาก ศิลป์ พีระศรี คือ บิดาแห่งศิลปะสมัยใหม่ของไทย หรือเป็นผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร หากแต่ผลงานคืออะไรไม่ทราบ หรือมีคุณอย่างไรบอกไม่ถูก


                นั่นคือการใช้อารมณ์ความรู้สึกแบบโหนกระแส ต้องทำตามคนอื่นให้ได้ แม้จะไม่รู้ว่าทำไปเพื่ออะไร มันไม่ต่างอะไรไปจากการมองสิ่งสวยงามในที่ที่มองไม่เห็นแต่บอกว่าสวย และอีกอย่างที่น่าเปรียบเทียบ คือ บทสวดมนต์

                สิ่งที่เหมือนกันเสียเหลือเกิน คือ จะมีสักกี่คนที่เข้าใจบทสวดมนต์ที่เป็นภาษามคธ (บาลี) แต่ชาวพุทธส่วนใหญ่ก็ท่องจำและพร่ำสวดภาวนาอย่างไร้จุดหมาย การพร่ำสวดมนต์โดยไม่รู้ความหมายของบทสวดก็ไม่ต่างอะไรกับการยกย่องบุคคลโดยไม่รู้ถึงคุณของเขาหรือเธอ

                ใครจะปฏิเสธได้ว่าการถือศาสนาในปัจจุบันเกิดจากประเพณีนิยมเป็นใหญ่ คือ เขาถือกันมา พ่อแม่ปู่ย่าตายายถือกันมา ก็ถือบ้างจะเป็นไร แต่ไม่ได้ทราบถึงความดีงามแห่งศาสนานั้นๆ เขาเหล่านั้นถือศาสนาโดยไม่รู้ว่าศาสนานั้นมีคุณอย่างไร (ที่มากกว่าทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดี ขณะที่บางศาสนาที่มีการศึกษาศาสนาอย่างดีและมีระบบการศึกษาศาสนากลับถูกรัฐต่อต้านในฐานรบกวนความมั่นคง

                มาถึงจุดนี้ ขอชมเชยโทรทัศน์ช่องไทยพีบีเอส เนื่องด้วยมีการนำเสนอคุณความดีของชายชื่อ ศิลป์ พีระศรี ให้เป็นที่ประจักษ์ เป็นหนทางให้คนที่ไม่รู้และอยากรู้ได้รู้ ซึ่งจะนำไปสู่การสดุดียกย่องอย่างมีเหตุ หรือผู้เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยศิลปากรที่เข้าถึงเรื่องพวกนี้ได้ยาก ดังนั้น การนำเสนอของโทรทัศน์ช่องนี้จึงเปรียบเสมือนแสงสว่างที่ทำให้ผู้อยากเห็นหรือไม่เคยเห็นสิ่งสวยงามที่ความมืดบดบังได้เห็นสิ่งสวยงามนั้นสักที แต่บางครั้ง ถ้าสิ่งที่ซ่อนในความมืดมัวนั้นเป็นสิ่งไม่งามเสียบ้างก็ดี เพราะการชื่นชมควรอยู่บนฐานของความเป็นมนุษย์

                ส่วนเรื่องบทสวดมนต์ ขอเสนอดังนี้ว่า ระบบการศึกษาควรหันไปหาภาษาที่ภาษาไทยได้รับอิทธิพลให้มากกว่านี้ ไม่ใช่สักแต่ อิงลิช ไชนิส เจแปนนิส โคเรียน ทำไมไม่ แขมร์ ลาว มคธ (บาลี) สันสกฤต บ้าง เพราะรากภาษาไทยมิใช่มาจากกอไผ่ (ถึงมีก็คงน้อย) แต่มาจากภาษาใกล้ตัวเหล่านี้ทั้งสิ้น การด่ากราดเด็กว่าเขียนผิดเขียนถูก มันก็เหมือนการด่าไอ้แดงที่ไปวิ่งแข่งกับนักวิ่งทีมชาติ เพราะมันไม่มีพื้นฐานแล้วมันจะทำได้ดีได้อย่างไร ศัพท์ภาษาไทยที่สละสลวยต่างก็มาจากภาษาสันสกฤตและมคธเป็นส่วนใหญ่ แต่การเรียนการสอนไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าที่ควรเลย ดังนั้น หากหวังให้เด็กไทยใช้ภาษาไทยได้ดี การเรียนรากของภาษาจึงเป็นสิ่งสำคัญ เหมือนการเรียนภาษาละตินเพื่อรู้รากภาษาอังกฤษอย่างลึกซึ้ง และที่สำคัญ บทสวดมนต์ก็จะได้เข้าไปอยู่ในใจคนถือศาสนาอย่างรู้ความหมายเสียที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น