วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2554

คันหู


รายการ "วู๊ดดี้ เกิดมาคุย" ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์สีโมเดิร์น ไนน์ (Modern Nine) ทุกวันอาทิตย์ เวลาประมาณสี่ทุ่มครึ่ง รายการดังกล่าวมักเชิญบุคคลที่กำลังอยู่ในกระแส หรือเป็นที่กล่าวถึงอย่างมากในวงสังคม ในสัปดาห์นี้รายการนำเสนอประเด็นคลิปการแสดงเพลง "คันหู" โดยวงเทอร์โบ ที่มีน้องจ๊ะเป็นนักร้อง โดยการแสดงดังกล่าวมีการเต้นท่าเกาอวัยวะเพศ รวมทั้งท่าเต้นและการร้องที่ยั่วยวน แขกรับเชิญเบ็ดเสร็จแล้วมีทั้งสิ้น 4 ท่าน คือ คุณไผ่ หัวหน้าวงเทอร์โบ น้องจ๊ะ (ที่วันนี้คนไทยรู้จักว่านามสกุล คันหู) นักร้องวงเทอร์โบ ครูเทียม นักออกแบบท่าเต้นลูกทุ่งชื่อดัง และคุณสมศักดิ์ CEO โลกกลางคืน เมื่อดูจบ ผู้เขียนมีความเห็นต่อประเด็นต่างๆที่นำเสนอในรายการ และมีความเห็นต่อกรณีนี้ ดังนี้

คลิปการแสดงเพลงคันหู

1. เรื่องการตลาดในคลิป "คันหู" เรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจและใหญ่ทีเดียว เพราะไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพลงคันหูเท่านั้น แต่ทุกวงการล้วนแต่มีการตลาดแฝงอยู่มากน้อยต่างกันไป ซึ่งการตลาดในทีนี้ คือ การใช้คุณสมบัติพิเศษของผู้หญิง เช่น ความเซ็กซี่ ความสวย เป็นจุดดึงดูดลูกค้า ท่าเต้นและเนื้อร้องที่ไปกันได้ดีในลักษณะสองแง่สองง่ามถือว่าลงตัวในแง่การดึงดูดผู้ชม ซึ่งพิสูจน์ได้จากยอดการเข้าชมคลิปในยูทูบ การตลาดลักษณะนี้พบได้ทั่วไปในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานขาย (บางร้านมีการกำหนดว่าต้องเป็นผู้หญิง อายุในวัยขบเผาะ อาจมีการคัดหน้าตาด้วย) ดารานักแสดง ฯลฯ แต่วงดนตรีที่ไม่ได้ออกเทปและออกเทปขณะนี้ใช้การตลาดเช่นนี้จำนวนไม่น้อย เพราะใช้ได้ดี คนเข้าชมเยอะ งานจ้างเยอะ ไม่ใช่แค่เฉพาะวงเทอร์โบ และบางวงมีบันทึกการแสดงออกจำหน่ายด้วย เช่น วงวาเลนไทน์ วงบัวผัน ฯลฯ ถ้าคิดในแง่การตลาดถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับเพลง "คันหู"

2. เรื่องวิวัฒนาการ "เพลงลูกทุ่ง" ขออธิบายก่อนว่าเรื่องนี้เป็นการเข้าใจผิดไปเองของผู้ร่วมสนมนาบางท่าน รวมทั้งพิธีกรเอง เพราะวงเทอร์โบไม่ใช่วงลูกทุ่ง ผู้เขียนไม่ทราบว่าเรียกอะไร อาจเรียก "วงสตริงคอมโบ" กระมัง หรือบางครั้งวง "ลำซิ่ง" ก็พออนุโลมเรียกได้ วงแบบนี้ไม่ได้มุ่งเล่นเพลงลูกทุ่ง ไม่ใช้วงลูกทุ่ง แต่เล่นเพลงทุกแนว ทุกภาษาที่ร้องได้ โดยใช้เพลงของคนอื่นที่ดังๆหรือสนุกสนานมาใช้ทำการแสดง และผมเชื่อว่าน้องจ๊ะก็คงไม่ได้ร้องแค่เพลงลูกทุ่งเท่านั้น ดังนั้น แม้เพลงคันหูจะเป็นเพลงลูกทุ่ง แต่ก็ถือเป็นลูกทุ่งแบบที่ไม่ได้เกี่ยวกับการออกเทปอัดแผ่น หากแต่เป็นวิวัฒนาการของวงดนตรีที่ชาวบ้านจ้างมากกว่า วงพวกนี้ไปเล่นทุกงานจ้างไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง งานศพ ขอให้จ้างแล้วกัน

วงวาเลนไทน์ เล่นที่งานแต่ง

ดังนั้น จุดที่ตรงประเด็นมากกว่า คือ วิวัฒนาการของการจ้างการแสดงในงานของชาวบ้าน ผู้เขียนไม่มีความรู้พอจะบอกได้ว่าก่อนหน้าจะเป็นวงเหล่านี้ ชาวบ้านเคยจ้างอะไร อาจเป็นลิเก วงดนตรีทั่วไป? แต่วงเช่นนี้เกิดขึ้นไม่น่าจะห่างจาก "กระแสโคโยตี้" เพราะสังเกตได้ชัดจากการแต่งกายว่าเป็นแนวเดียวกัน ดังนั้น การว่าจ่างวงที่มีการแสดงวาบหวิวคงเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ไม่น่าเกิน 5-10 ปีมานี้เอง ซึ่งคงมาจากการเอ็นเตอร์เทนที่น่าตื่นตาตื่นใจกว่าของเดิมๆ และจริงๆการจะบอกว่าเป็นวิวัฒนาการวงลูกทุ่งก็อาจบอกได้แต่คนลูกทุ่งอย่างครูเทียมคงไม่อยากยอมรับ ...

3. เรื่องการปิดกั้นและสกรีน ช่วงหนึ่ง ครูเทียมเสนอให้มีการสกรีนการแสดงในแนวคลิป "คันหู" ซึ่งสะท้อนว่า ความคิดของเขาไม่ต้องการให้การแสดงเช่นนี้เล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย หรือออกมาให้น้อยที่สุด โดยการปิดกั้นนั้นมีกรณีเทียบเคียง คือ กองเซ็นเซอร์ภาพยนตร์ การมีกลไกดังกล่าวได้รับการพิสูจน์จากคนหนังจำนวนหนึ่งแล้วว่า ได้ทำให้ภาพยนตร์ถูกตัดแก้บิดเบือนสิ่งที่ต้องการนำเสนอ คือ อยากนำเสนออย่างหนึ่ง แต่เอาเข้าจริงกลไกนี้บีบบังคับให้ต้องนำเสนออีกแบบหนึ่ง ทั้งยังลดความบันเทิงที่เกิดจากความยั่วยวน ความเซ็กซี่ หรือเรียกรวมๆได้ว่าเรื่องทางเพศที่ได้รับจากภาพยนตร์ลดลงด้วย ดังนั้น หากมีกลไลมาควบคุมการแสดงคอนเสิร์ต การแสดงออกก็คงไม่อาจสร้างความพอใจให้กับผู้ชมได้ดังเดิม เพราะความบันเทิงจากเรื่องทางเพศนั้นถูกสกรีนทิ้ง อ่อ ลืมไปว่ามีคนบางคนไม่ได้บันเทิงกับเขาด้วย .. ก็อย่าดูสิครับ !! 

การแสดงเพลงคันหูอีกคลิป

ข้อคิดเห็นอื่นๆ อยากวิเคราะห์ในภาพรวม คือ การมองของคนส่วนใหญ่ถูกครอบงำโดยวัฒนธรรมชุดหนึ่ง (ที่ถูกสร้างขึ้นแล้วบอกว่าดีงาม) ซึ่งปฏิเสธวัฒนธรรมแบบอื่นทั้งหมดที่เห็นว่าขัดกับมัน รวมทั้งอาจพยายามสกัดกั้น เช่น การสร้างกลไลบางอย่างมาตรวจสอบ อย่างกรณีภาพยนตร์ที่มีกองเซ็นเซอร์ (ชอบคำที่วู๊ดดี้ใช้ คือ บนดิน-ใต้ดิน ถ้ามึงไม่เข้ากับกูก็มุดอยู่ใต้ดินไปเสีย) คนพวกนี้ไม่มีทางรับได้ว่าเมืองไทยอันศิวิไลซ์ของพวกเขามีการแสดงแบบคลิปคันหูทุกคืน มีวงที่นักร้องและแดนเซอร์แต่งตัววาบหวิวเต้นยั่วยวนขึ้นเวทีอยู่ทั่วไป ขณะที่ชาวบ้านแห่ไปดูกันเป็นเรื่องปกติ หรือชาวบ้านผู้หญิงบางหมู่บ้านยังคงเปิดผ้าถุงโชว์อวัยวะเพศไล่ราหูเมื่อเกิดสุริยคราสกันอยู่ เลิกปิดหูปิดตาคนอื่นและตัวเองแล้วมองส่วนที่ต่างไปจากพวกคุณที่มีมากมายในสังคม ซึ่งไม่ใช่ส่วนเล็กๆเสียด้วย แต่เป็นส่วนใหญ่ทีเดียว ทำไมบอกให้คนหลากสีเปิดใจทางการเมือง แต่เรื่องวัฒนธรรมที่แตกต่างกลับปิดบังซ่อนเร้น อย่าทำให้เกิดประเด็น "วัฒนธรรมเจ้า-ไพร่" ขึ้นมาโดยอ้อมครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น