ในเช้าที่ลมโชยพาอากาศเย็นสดชื่นมาสู่เมืองกรุง
การตื่นขึ้นจากความฝันสู่โลกความเป็นจริงก็ดูจะคุ้มค่าขึ้นเป็นทวี
อากาศหนาวที่มีแค่ปีละครั้ง
และก็ไม่มีอะไรมายืนยันได้ว่าจะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าใด สามารถเป็นยากระตุ้นให้คนอยากลุกจากเตียงขึ้นมาสูดความเย็นเข้าปอด
แต่บางคนก็เลือกที่จะอยู่ใต้ผ้าห่มอุ่นๆ ให้นานขึ้นอีกนิดจะดีกว่า
อากาศและฤดูกาลช่างส่งผลต่อมนุษย์อย่างยิ่งยวด
จะมีสักกี่คนที่ทานทนต่อความเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อม และอุณหภูมิรอบกายอย่างไร้ซึ่งความรู้สึก
เพลงหลายเพลงบ่งบอกความรู้สึกที่เหล่าศิลปินจินตนาการถึงยามลม ฝน หรือแดด มาเยือน
ซึ่งเพลงเหล่านี้บางครั้งเป็นเพียงตัวสะท้อน แต่บางครั้งได้ตอกย้ำความรู้สึกเช่นนั้นแก่ผู้ฟัง
และอาจทำให้ความด้านชาต่อฝนฟ้าอากาศลดน้อยลงไป
ยามฝนพรำ
เปียกแฉะ ชุ่มชื้น เละเทะ เย็นฉ่ำ ฯลฯ หลากคนก็หลากความเห็นต่อวันเวลาดังกล่าว
เพลงหลายเพลงบ่งบอกความเหงาของทั้งคนโสดและไม่โสดยามฝนตก เช่น “วันนี้ฝนตกไหลลงที่หน้าต่าง
เธอคิดถึงฉันบ้างไหมหนอเธอ” (Loso – ฝนตกที่หน้าต่าง) บางเพลงไม่แค่เหงายามฝนตก
แต่ขอให้ฝนหยุดมันเสียเลย “ขอวอนเถอะฟ้าช่วยสั่งให้ฝนหยุด ก็หัวใจมันชำรุดไม่มีสักคนเคียงข้างกาย
ฟ้าช่วยสั่งให้ฝนนั้นสลาย ก็มันเหงาจะตาย ไม่มีใครเลยสักคนให้กอด”
(Dr.Fuu
: โรคกลัวฝน)
บางครั้งก็คิดถึงคนคนหนึ่งเวลาฝนตก “ก็เกี่ยวกับเธอเท่านั้นที่ฉันเป็นแบบนี้
ก็เธอคนดีไปแล้วไปลับไม่ย้อนมา เมื่อไม่มีเธอฉันเหงาทุกเวลา
ไม่เกี่ยวกับฝนกับฟ้าหรือว่าเรื่องไหนเลย” (กะลา – ไม่เกี่ยวกับฝน)
บางทีก็น้อยใจขึ้นมายามฝนลงเม็ด “ฝนกำลังตกลงมา รู้ไหมว่ามีใครร้องไห้
คิดถึงจนแทบขาดใจ เกิดอะไรไม่โทรหากัน ฝนกำลังตกลงมา ฉันกำลังจิตใจฟุ้งซ่าน
รู้ไหมว่าที่เธอทำฉันน้อยใจ” (ซาร่า ผุงประเสริฐ – ฝน)
ฉากพระเอกหรือนางเอกเดินตากฝนเป็นฉากสุดคลาสสิคเมื่อนึกถึงเวลาอกหัก
เศร้าใจ และอารมณ์ขุ่นมัวอื่นๆ ขณะเดียวกัน
หากเปลี่ยนจากการเดินคนเดียวเป็นคู่กันแล้ว สถานการณ์ก็กลับตรงข้าม
การเดินกุมมือภายใต้ร่มที่กันฝนได้บ้างไม่ได้บ้างช่างสุดแสนโรแมนติกในจินตนาการเสียจริง
แม้นหากในความเป็นจริงแล้วอาจเป็นคนละเรื่องเลยก็ได้
เมื่อนึกถึงความรักยามฝนตก
ก็ต้องมีหลายคนคิดอิจฉา เป็นไปไม่ได้ที่สมองจะไม่สั่งการใดๆ
เมื่อเห็นใครสักคนมีคนเคียงข้างฝ่าฝนหรือหลบฝนด้วยกัน
ความอิจฉาเกิดขึ้นเสมอเมื่อเห็นคนอื่นมีแล้วเราอยากจะมีบ้าง
มันเป็นธรรมดาโลกของปุถุชนที่ไม่มีวันตัดได้ซึ่งโลภ โกรธ หลง … เห็นไหมครับ
หลากหลายอารมณ์จริงๆ ยามฝนพรำ แต่สุดท้าย เมื่อฝนหยุดมันก็จะเข้าสู่ความสดใส
ต้นไม้ใบหญ้าต่างเขียวชอุ่ม ทุกสิ่งดูกลับมาสดใส (ลองนึกถึงตอนที่รถกำลังแล่นผ่านทุ่งหญ้าหรือทุ่งนาเขียวขจียามฝนหยุดใหม่ๆ
พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ หลังฝนตก … แม้จริงๆ แล้วมันจะเฉอะแฉะมากกว่าก็เถอะ)
อย่างที่มักมีการเปรียบเปรยความสุขหลังความทุกข์ยากว่าเป็น “ฟ้าหลังฝน”
ฤดูที่น่าสนใจไม่น้อย
และก็เกิดขึ้นอยู่ยามนี้คือ หน้าหนาว (oHhHH!! I feel it
haa) บางคนตั้งหน้าตั้งตารอเพื่อจะได้ใส่เสื้อกันหนาวสวยๆ
บางคนขอเพียงให้มาสักทีเถอะ (เบื่อหน้าฝน) บางคนอยากไปแอ่วบนดอยหม่อนเมืองเหนือ ก็ว่ากันไป
ฤดูหนาวเป็นตัวแทนของหลายสิ่งอย่าง ในดินแดนที่หนาวเย็นอย่างยุโรป อเมริกา
และบางประเทศในเอเชีย เขาจะมีฤดูที่เรียกว่า Autumn หรือไทยเราเรียกว่า
“ฤดูใบไม้ร่วง” ใบไม้จะเปลี่ยนสีก่อนทิ้งตัวลงสู่ผืนดิน
ก่อนที่ดินแดนเหล่านั้นจะเข้าสู่ช่วงฤดูที่หนาวที่สุด (Winter) และต่อด้วย “ฤดูใบไม้ผลิ” (Spring) ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนั้น
ก็เหมือนกับการเปลี่ยนผ่านสิ่งต่างๆ ดุจดังใบไม้ใบชุดเก่าที่พร้อมจะร่วงโรยเพื่อหลีกทางให้กับใบอ่อนชุดใหม่ที่จะงอกเงยขึ้นมาแทนที่ในฤดูใบไม้ผลิ
ซึ่งฝรั่งมักมองว่าเปรียบเสมือน “การเกิดใหม่” (rebirth) ของสรรพสิ่งดังใบไม้ที่งอกเงย
พร้อมกับต้นไม้ใบหญ้าที่กลับเติบโตขึ้นอีกครั้งหลังฤดูหนาวที่หิมะปกคลุมไปทั่ว
ว่าด้วยตัวแทนของหน้าหนาวกันบ้าง
เพลงหลายเพลงบ่งบอกว่าหน้าหนาวมันช่วงยากเข็ญ
อากาศที่เย็นยะเยือกกระตุ้นให้มนุษย์แสวงหาความอบอุ่นทั้งทางกายและทางใจ แต่เมื่อไม่มีคนรักหรืออกหักขาดคนดูแลก็จะออกมาแบบ
“หนาวใจจะขาดใจเมื่อขาดเธอคนดี ขาดไอรักอบอุ่น ที่เคยได้มี
ฉันเพียงต้องการเธอกลับมาหา โปรดเถิดหนา กลับมา มารักกัน” (Clash
– หนาว) ไปจนถึงเพลงอมตะของวง Tea For Three อย่าง
“ลมหนาว” ที่มีท่อนฮุกติดปากว่า “ลมหนาวมาเมื่อใด ใจฉันคงยิ่งเหงา คืนวันที่มันเหน็บหนาว
ไม่รู้จะทนได้นานเท่าไร ลมหนาวมาเมื่อใด กลัวฉันกลัวขาดใจ เพราะหัวใจที่มันอ่อนไหว
ไม่เคยได้รักจากใครเสียที”
ในความรู้สึกส่วนตัว ภาพของฤดูหนาวเป็นภาพที่สวยที่สุดในสายตาผม
ความเย็นทำให้บางครั้งอะไรๆ ก็พร่ามัวลงบ้าง หมอกยามเช้าทำให้เราเหมือนอยู่ในดินแดนต้องมนตร์
แต่เป็นมนตร์ขลังที่เสกสรรค์ให้ความสวยงามเกิดขึ้น ผมชอบนึกถึงภาพแบบแนวสีอ่อนๆ
แนวที่เราเห็นทั่วไปในร้านกาแฟแนวๆ แบบนั้น มันสบายตาไปหมด
มันผลักดันให้เราอยากออกไปเจอโลกมากกว่าอยากจะอุดอู้อยู่ในห้อง
ในใจเหมือนมีแต่ภาพแห่งความสุข ที่สุดแล้วมันก็อยู่ที่ว่าเราจะเลือกให้มันเป็นหนาวแบบไหน
จะหนาวกายใจ หรือหนาวแต่กายแต่ใจอบอุ่นก็ต้องเลือกทางเดินของเรา
ฤดูสุดท้ายที่หลายๆ คนไม่อยากให้มาถึง
คือ ฤดูร้อน บางคนสวนมาว่าจะบ่นทำไม เมืองไทยก็หน้าร้อนทุกวันแหละ แค่จะร้อนมากหรือร้อนน้อยก็แค่นั้น
…
ก็ว่ากันไป แม้จะร้อนกาย แต่ใจบางคนก็เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสซะ “หัวใจมันเซทะเลคือจุดหมาย
ได้ออกไปเจอคลื่นลมคงหายดี” (แพรว คณิตกุล – เพิ่งจะรู้)
แม้สุดท้ายมันจะไม่ได้ช่วยอะไรก็ตามเถอะ แถมยังพลอยคิดถึงมากขึ้นไปเสียอีก
เพลงสุดคลาสสิคสำหรับหน้าร้อนอีกเพลง คือ ฤดูร้อน ของ Paradox ที่ก็ยังอยู่ในอารมณ์เศร้า แต่ดนตรีฟังสบาย “ยืนมองท้องฟ้าไม่เป็นเช่นเคย
ฤดูร้อนไม่มีเธอ เหมือนก่อน เหมือนเก่า ขาดเธอ …”
ส่วนอารมณ์สนุกก็ขาดไม่ได้สำหรับหัวใจที่ไม่เคยหลับใหลของมนุษย์
(แต่ก็ระวังเป็นลมแดดซะล่ะ) เพลงเรกเก้แนวๆ อย่าง Let’s go to the sea โดย Kai-Jo Brothers “Let’s go to the sea. Let’s go see the sun
shine …” ซึ่งพาเรามามองโลกในอีกมุมหนึ่งแบบชีวิตเสรีในหน้าร้อน
(หรือหน้าไหนๆ ก็ตาม) ลองทิ้งความทุกข์ไว้ข้างหลังแล้วมุ่งหน้าไปทะเลกันเถอะว่างั้น
มันก็จริงที่เวลามีปัญหา คนเราก็มองหาทางออก ทางหนี ทางไล่ ไปจนถึงทางตาย
แต่ไม่ค่อยแก้ปัญหา ปัญหามันก็เลยยังอยู่เมื่อกลับมา (หรือไม่กลับมาก็ตาม) อันนี้ก็คงต้องใช้วิจารณญาณเอาเอง
แม้อุณหภูมิรอบกายจะเป็นอย่างไร
สิ่งสำคัญคืออย่าทำให้อารมณ์เราเซไปกับมันมากนัก ความเปลี่ยนแปลงอย่างฟ้า ฝน แดด
ลม มันก็เหมือนอารมณ์ที่แปรปรวนของคนเรา
ถ้าเรายังปล่อยให้มันมีอิทธิพลต่อเราเกินไป บางทีความยุ่งยากอาจจะตามมาเสียเปล่าๆ และสุดท้าย
ความคาดหวังต่อสภาพอากาศเป็นไปได้ยากเพียงใด
ความคาดหวังต่อทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ก็ยากไม่น้อยไปกว่านั้น
ขอให้ชีวิตภายใต้อากาศที่เปลี่ยนไปทุกวันจงประสบสุขทุกทั่วชั่วนิจเถิด